พลังแห่งทีมเวิร์ก! โครเอเชียรวมใจสยบฝรั่งเศส 2-0 ย้ำแค้นอดีตคู่ชิงบอลโลก

 การกลับมาทวงศักดิ์ศรีของโครเอเชีย ย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 2018 “ตราหมากรุก” โครเอเชีย สร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงเป็นครั้งแรก ก่อนพ่ายให้ “ตราไก่” ฝรั่งเศสไป 4-2 อย่างน่าภาคภูมิใจ แต่เมื่อค่ำคืนวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้โอกาสล้างตาอีกครั้งในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยเป็นฝ่ายเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของฝรั่งเศสที่จัดชุดใหญ่แบบไม่เกรงใจใคร

ผลลัพธ์ที่ออกมาเรียกเสียงฮือฮาไปทั่ว เมื่อโครเอเชียรวมพลังทั้งเกมรุกและรับจนสามารถเอาชนะฝรั่งเศส 2-0 ได้อย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแค่สกอร์เท่านั้นที่พูดแทนทุกอย่าง แต่ยังสะท้อนถึงพัฒนาการของทีมและหัวใจนักสู้ของนักเตะทุกคน

กลยุทธ์ที่ชนะใจแฟนบอล โครเอเชียกับการเล่นเป็นระบบ

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นชัดเจนในเกมนี้ คือ “ความลงตัว” และ “ทีมเวิร์ก” ของโครเอเชีย การเล่นในระบบ 4-2-3-1 เปิดโอกาสให้พวกเขาคอนโทรลจังหวะเกมได้ดีทั้งในแผงมิดฟิลด์และริมเส้น โดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่มีอีวาน เปริชิช ทำเกมได้อย่างอิสระ ผสมผสานกับการสนับสนุนของยอชโก้ กวาร์ดิโอล และการเติมเกมของโมดริชที่ยังคลาสไม่ตก

แม้จะเจอแรงกดดันจากนักเตะฝรั่งเศสที่มีความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวสูง แต่โครเอเชียใช้วิธีการบีบพื้นที่ กดดันตั้งแต่แดนกลาง ทำให้ฝรั่งเศสไม่สามารถปั้นเกมได้ถนัด และถูกตัดบอลอยู่บ่อยครั้ง ผลคือ ฝรั่งเศสครองบอลได้ก็จริง แต่ไม่มีจังหวะจบแบบเน้นๆ เลย

อีกหนึ่งจุดแข็งของโครเอเชียในเกมนี้คือเกมรับ โดยเฉพาะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมของแนวหลังทั้ง 4 คน รวมถึงผู้รักษาประตู โดมินิค ลิวาโควิช ที่โชว์ความนิ่งหลายจังหวะ ถือเป็นแนวรับที่ยากจะเจาะในเวทียุโรปตอนนี้

ฝรั่งเศสกับคำถามที่ต้องตอบ แพ้เพราะอะไร?

แม้จะพกดีกรีแชมป์โลก 2018 และแชมป์เนชั่นส์ลีกครั้งก่อน และเป็น ทีเด็ดบอลเต็ง ของคืนนี้ แต่ฝรั่งเศสในแมตช์นี้กลับแสดงให้เห็นถึงความ “ไม่เป็นทีม” มากกว่าความเก่งเฉพาะตัว นักเตะอย่างคีลิยัน เอ็มบัปเป้, อุสมาน เดมเบเล่ และราบิโอต์ แทบไม่มีจังหวะประสานงานกันได้ลื่นไหลเลย

·      ระบบ 4-3-1-2 ที่เดส์ชองส์เลือกใช้ ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยเพิ่มความหลากหลายในเกมรุก เนื่องจากไม่มีปีกธรรมชาติเข้าทำให้ด้านข้าง แม้เดมเบเล่จะถูกวางให้เติมเกมทางขวา แต่ก็ขาดความเชื่อมโยงกับแนวหน้าทำให้ถูกบล็อกได้ง่าย

·        อีกหนึ่งปัญหาคือการเล่นที่ดู “ขาดความกระหาย” ฝรั่งเศสไม่ได้เล่นเหมือนทีมที่ต้องการชนะอย่างจริงจังในช่วงครึ่งแรก และเมื่อตามหลัง 2-0 ก็ยิ่งบีบเกมยากขึ้นเพราะโครเอเชียถอยต่ำรัดกุม

·        เกมนี้ไม่นับว่าเป็นความผิดพลาดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความผิดพลาดในภาพรวมของระบบที่ต้องได้รับการปรับปรุงโดยเร็วก่อนนัดที่สอง

·        ติดตาม ไฮไลท์บอลเมื่อคืน โครเอเชีย VS ฝรั่งเศส 2-0 อย่างละเอียดได้ที่นี้

การล้างแค้นที่สะใจ จากอดีตคู่ชิง สู่เกมที่เหนือกว่า

หากมองย้อนกลับไปในนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชียแพ้ด้วยสกอร์ 4-2 ทั้งที่ครองบอลได้มากกว่า แต่โดนลงโทษจากความผิดพลาดเล็กน้อย เกมนั้นเปรียบเหมือนบทเรียนราคาแพงที่โครเอเชียเก็บไว้ใช้ในอนาคต และเกมเมื่อคืนนี้ คือคำตอบที่พวกเขาคืนกลับไปอย่างสวยงาม จากทีมที่เคยพึ่งพาเพียงไม่กี่ชื่อ วันนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่มีความสมดุลในทุกตำแหน่ง ตั้งแต่แนวรับยันแนวรุก พร้อมกับระบบการเล่นที่ชัดเจนและทันสมัย นี่คือทีมโครเอเชียที่ไม่ใช่ “ม้ามืด” อีกต่อไป แต่เป็นทีมที่สามารถโค่นใครก็ได้

Comments

Popular posts from this blog

สเปน vs ฝรั่งเศส: ยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ ใครจะเข้าชิง?

เทน ฮาก ต่อสัญญาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงมิถุนายน 2026